สังขละบุรี ดินแดนแห่งมนต์เสน่ห์ (Sangklaburi) กาญจนบุรี

รีวิว ดินเเดนวัฒนธรรมกันบ้าง โดยในการเดินทางของพวกเราครั้งนี้เราได้ไปที่ สังขละบุรี การเดินทางครั้งนี้เราไปด้วยรถส่วนตัว โดยเดินทางออกจาก กรุงเทพถึงสังขละบุรี ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง

รีวิว สังขละบุรี กาญจนบุรี

สวัสดีครับวันนี้เปลี่ยนบรรยากาศจากไปภูเขา ไปลุยดินเเดนวัฒนธรรมกันบ้าง โดยในการเดินทางของพวกเราครั้งนี้เราได้ไปที่ สังขละบุรี การเดินทางครั้งนี้เราไปด้วยรถส่วนตัว โดยเดินทางออกจาก กรุงเทพถึงสังขละบุรี ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง รวมแวะระหว่างทาง

สังขละบุรี ดินแดนแห่งมนต์เสน่ห์

เมืองสามหมอก ดินแดนสามวัฒนธรรม

สังขละบุรี เป็นอำเภอหนึ่งที่อยู่ใน จังหวัดกาญจนบุรี ดินแดนแห่งมนต์เสน่ห์ ที่ใครได้มาก็ต้องรัก สังขละบุรี มีคำขวัญว่า “เมืองสามหมอก ดินแดนสามวัฒนธรรม” คือมีทั้ง ไทย มอญ กะเหรี่ยง มีสะพานไม้อุตมานุสรณ์หรือเรียกกันว่าสะพานมอญ เป็นสัญลักษณ์เด่น ที่ใครมาก็ต้องมาเยือน สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยเเละยาวเป็นอันดับ2ของโลก ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เลยก็กว่าได้

สะพานมอญ สังขละบุรี

ในทริปนี้ เราได้นั่ง เรือไปลุย วัดเก่า 3 เเห่ง 1.วัดวังก์วิเวการาม(เก่า) 2.วัดสมเด็จ(เก่า) 3.วัดศรีสุวรรณ(เก่า)

พี่สมหวังทำหน้าที่ขับเรือ ใจดีมากยิ้มทั้งวัน!! ใครมาสะพาญมอญ อยากเที่ยวชมวัดเก่า ติดต่อพี่สมหวัง สะพานมอญได้เลยครับ

วัดวังก์วิเวการามหรือเมืองบาดาล

ในอดีตเป็นวัดวังก์วิเวการามเดิมที่หลวงพ่ออุตตมะและชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างขึ้น เมื่อ ปี พ.ศ. 2496 ในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำสามสาย คือ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำ รันตี ไหลมาบรรจบกัน ต่อมาในปี 2527 มีการก่อสร้างเขื่อนเขาแหลมทำให้น้ำท่วมตัวอำเภอสังขละบุรีเก่ารวมทั้งวัดนี้ ด้วย หลวงพ่อจึงได้ย้ายมาสร้างวัดมาอยู่บน เนินเขา ส่วนวัดเดิมได้จมอยู่ใต้น้ำมานาน นับสิบปี ใน ช่วงฤดูแล้งราวเดือนมีนาคม-พฤษภาคม น้ำจะลดจนตัวโบสถ์โผล่พ้นน้ำทั้งหมด สามารถนั่งเรือ และขึ้นไปเดินเที่ยวชมโบสถ์ได้

วัดวัดศรีสุวรรณ(เก่า) วันที่เราไปวัดนี้จมเเล้ว ไม่สามารถขึ้นไปเดินได้

ในช่วงการปกครองของพระศรีสุวรรณองค์ที่ 5 ได้ย้ายที่ทำการเมืองลงตั้งที่บ้านวังกะ พื้นที่นี้เหมาะแก่การตั้งเมืองมากเพราะมีแม่น้ำที่ไหลมาบรรจบกันถึงสามสายคือ แม่น้ำบีคี่ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำรันตี และสะดวกกับการเดินทางติดต่อกับภายนอก พร้อมทั้งเป็นกลาง ระหว่างหมู่บ้านต่างๆที่อยู่ในเขตการปกครอง และเมืองสังขละบุรีได้แบ่งการปกครองเป็น 3 หัวเมือง คือเมืองสังขละบุรี เมืองอุ้มผาง เมืองศรีสวัสดิ์จนกระทั่งเปลี่ยนระบบการปกครองเมื่อ 2475 เมืองสังขละบุรีจึงเป็นอำเภอสังขละบุรีในขึ้นต่อจังหวัดกาญจนบุรี ปัจจุบันจนกระทั่งในปี 2529 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่อำเภอทองผาภูมิ เมื่อการไฟฟ้าเก็บกักน้ำอำเภอสังขละบุรีจึงจมน้ำอยู่ใต้ท้องเขื่อนเขาแหลม อำเภอสังขละบุรีจึงย้ายขึ้นมาอยู่ในที่ตั้งที่ว่าการในปัจจุบัน หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองตรงกับสมัยพระศรีสุวรรณคีรีองค์ที่ 5 ทางการได้จัดตั้งการปกครองเป็นอำเภอ ได้แต่งตั้งพระศรีสุวรรณคีรีเป็นนายอำเภอสังขละบุรี

หลังจากนั้นเราได้เดินทางต่อไปยัง วัดสมเด็จ (เก่า)

วัดสมเด็จ (เก่า)

วัดสมเด็จ (เก่า) เปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนเยี่ยมชมทุกวันระหว่างเวลา 07.00 – 17.00 น.

วัดสมเด็จ (เก่า) ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ตรงข้ามเมืองบาดาล สร้างโดยพระครูวิมลกาญจนคุณเจ้าคณะตำบลหนองลู เป็นวัดที่ไม่ได้จมน้ำ แต่ถูกทิ้งร้างเมื่อครั้งย้ายอำเภอสังขละบุรี ตอนสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ (เขื่อนเขาแหลม) อุโบสถของวัดสมเด็จมีพระประธานสภาพค่อนข้างสมบูรณ์รอบตัวโบสถ์มีต้นไทรใหญ่ปกคลุมดูมีมนต์ขลัง นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือต่อมายังวัดสมเด็จ (เก่า) หลังจากชมวัดวังก์วิเวการาม (เก่า)หรือวัดจมน้ำแล้ว

กินจิ้มจุ่มไม้ละ 1 บาทที่สังขละบุรี

หลังจากได้นั่งเรือเที่ยวชมวัด ก็ถึงเวลาอร่อย แวะทานอาหาร ที่ถนนคนเดิน และที่ห้ามพลาดเลยก็คือ หมู่จุ่ม เป็นหมูและเครื่องในต่างๆต้มให้เครื่องหอมๆเสียบไม้ขายไม้ละ 1 บาท ให้เราได้หยิบทาน พร้อมกับน้ำจิ้มที่เหมาะกันจริงๆ พูดได้ว่า ใครมาแล้วไม่ได้ลองนั้นถือว่าพลาดมากๆ

อิ่มแล้วก็กลับไปพักเหนื่อยนอนให้เต็มอิ่ม เพื่อตื่นเช้าไม่ใส่บาตรในตอนนเช้ากันที่ สะพานมอญ โดยในช่วงเช้าของที่นี่นั้นจะมีผู้คนออกมาใส่บาตรกันมากมาย ประแป้งทานาคาหน้าขาววออกไปแต่เช้า โดยเวลาพระจะเดินบิณฑบาตตั้งแต่หกโมงเช้าถึงเจ็ดโมงครึ่ง

หลังจากที่อิ่มบุญกันแล้วเราก็มาต่อกันกับการแวะทานอาหารเช้าที่สะพานมอญ จะมีอาหารเช้าให้เลือกรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นปาท่องโก๋ โจ๊ก โอวัลติน หรือ ขนมปัง อาหารมอญต่างๆ

และยังมีของฝากต่างๆให้เลือกซื้อกลับบ้านกันไปด้วยอีกต่างหาก ก็จะได้ของติดไม้ติดมือไปฝากคนทางบ้านกันอีกด้วย

ในทริปนี้นั้นเราได้ห้องพักอยู่ประมาณ 600 บาท ก็เป็นราคาเฉลี่ยปกติของที่นี่ ซึ่งใครชอบแนวไหนก็ไปลองเลือกหาเลือกพักกันได้ตามสบาย

ขากลับเราได้ไปไหว้พระกันที่ พระเจดีย์พุทธคยา เป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่กับวัดวังก์วิเวการาม โดยจะมีสีเหลืองทอง ด้านใน เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ใครที่มาก็อย่าลืมแวะมากราบไหว้กันด้วย เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิต

สรุปทริปนี้ เราได้ใช้เวลาเที่ยวทั้งหมด 2 วัน 1 คืน เหมาะกับคนที่มีเวลาน้อยในการเดินทางมาเที่ยวแบบ คืนเดียว หรือใครจะมามากกว่านั้นก็จะได้เที่ยวแบบสบายๆได้เช่นกันเพราะยังมีจุดเที่ยวอีกหลายจุดที่ไม่ได้อยู่รีวิวทริปนี้ แต่ 2 วัน 1 คืน สำหรับเราก็ฟินแล้ว ทั้งวิว ทั้งไหว้พระ กิจกรรมต่างๆ อาหารก็อร่อย ได้มาดูวิถีชาวมอญ ก็คุ้มสุดๆแล้ว

ติดตามอ่านบล็อกท่องเที่ยวของพวกเราเพิ่มเติม : Blog บล็อกเกี่ยวกับการท่องเที่ยว รีวิวสถานที่ – Chob Travel

แชร์เถอะขอร้อง
Jakkphan
Jakkphan

เจมส์ ตากล้องมือสมัครเล่นที่ชอบเที่ยวเล่นไปวันๆ ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ มีหมาหนึ่งตัวชื่อกูเกิ้ล

Articles: 16